tag:blogger.com,1999:blog-32255410148309218172024-03-13T08:01:29.749+07:00หน้าหลักAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/05751093116893986780noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-3225541014830921817.post-66661775354478004362013-07-19T21:59:00.002+07:002013-09-07T22:16:17.483+07:00เทคโนโลยีการผลิตข้าวอินทรีย์<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<a href="http://www.brrd.in.th/rkb/organic%20rice/data_010/pic_organic_new/organic_new_pic36.jpg" imageanchor="1"><img border="0" height="240" src="http://www.brrd.in.th/rkb/organic%20rice/data_010/pic_organic_new/organic_new_pic36.jpg" width="320" /></a></div>
<span style="background-color: magenta;"><br /></span>
<br />
<table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" style="background-color: white; font-family: Tahoma; font-size: 14px; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td valign="top"><span style="color: dimgrey;"><span style="background-color: white; font-size: large;">หลังการเก็บเกี่ยวและนวดข้าว เมล็ดข้าวเปลือกยังคงมีความชื้นสูง เมล็ดซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต มีการหายใจ ทำให้เกิดความร้อน ในสภาพร้อนชื้นดังกล่าว ทำให้เกิดการเจริญของเชื้อราเป็นผลให้เมล็ดเสื่อมคุณภาพได้ง่าย ดังนั้นจึงควรลดความชื้น ก่อนการเก็บรักษาข้าว</span></span></td></tr>
<tr><td><span style="background-color: white; font-size: large;">วิธีปฎิบัติ</span></td><td valign="top"><span style="background-color: white; font-size: large;"><br /></span></td></tr>
</tbody></table>
<table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" style="background-color: white; font-family: Tahoma; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">1.</span></td><td valign="top"><b><span style="color: dimgrey; font-size: large;">พันธุ์ข้าว</span></b></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">เป็นพันธุ์ข้าวและแมลงศัตรูพืชสำคัญในพื้นที่แข่งขันกับวัชพืชได้ดีมีลักษณะเมล็ดและคุณภาพการหุงต้มและรับประทาน ตรงต่อความต้องการของตลาดพันธุ์ข้าวที่นิยใช้ในการผลิตข้าวอินทรีย์ในปัจจุบัน คือขาวดอกมะลิ 105 และกข 15</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">2.</span></td><td valign="top"><b><span style="color: dimgrey; font-size: large;">เมล็ดพันธุ์ข้าว</span></b></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาตรฐานของเมล็ดพันธุ์ และผลิตโดยระบบเกษตรอินทรีย์ ปราศจากโรคแมลงและเมล็ดวัชพืช หากจำเป็นต้องป้องกันกำจัดโรคที่ติดมากับเมล็ด ให้ใช้เฉพาะสารที่อนุญาตให้ใช้ได้</span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="color: dimgrey; font-size: medium;"></span><br /></span>
<a name='more'></a><span style="color: dimgrey; font-size: large;"><br /></span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">3.</span></td><td valign="top"><b><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การเตรียมดินและวิธีปลูกพันธุ์ข้าว</span></b></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">ควรเตรียมดินอย่างดีเพื่อลดปัญหาวัชพืช และสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของข้าว แต่ไม่ใช้สารกำจัดวัชพืชร่วมกับการเตรียมดิน การเตรียมดินจะต้องสอดคล้องกับวิธีการปลูกข้าว</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="font-size: 14px; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td valign="top" width="15"><b><span style="color: dimgrey;"><span style="background-color: white; font-size: large;">-</span></span></b></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey;"><span style="background-color: white; font-size: large;">วิธีปักดำ เหมาะกับการทำนาในนิเวศน์นาชลประทาน เตรียมดินอย่างดี โดยไถดะตากดินไว้ เพื่อกำจัดวัชพืชที่กำลังเจริญเติบโตปล่อยน้ำท่วมแปลง เพื่อกำจัดวัชพืชที่กำลังจะงอก ไถแปร และคราดปรับระดับผิวดินให้สม่ำเสมอ เพื่อความสะดวกในการควบคุมระดับน้ำและควบคุมวัชพืช</span></span></td></tr>
<tr><td valign="top"><span style="color: dimgrey;"><span style="background-color: white; font-size: large;">-</span></span></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey;"><span style="background-color: white; font-size: large;">ตกกล้าโดยใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ประมาณ 100 กรัมต่อพื้นที่แปลงกล้า1 ตารางเมตร จะได้ได้ต้นกล้าที่มีความอุดมสมบูรณ์แข็งแรง (ใช้เมล็ดพันธุ์ตกกล้า ประมาณ 7 กิโลกรัมต่อพื้นที่ปักดำ 1 ไร่ ปักดำระยะ 20x20 เซนติเมตร จำนวน 3-5 ต้นต่อกอ โดยใช้อายุกล้าระหว่าง 25-30 วัน</span></span></td></tr>
<tr><td valign="top"><span style="color: dimgrey;"><span style="background-color: white; font-size: large;">-</span></span></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey;"><span style="background-color: white; font-size: large;">วิธีหว่านน้ำตม เหมาะกับการทำนาในนิเวศนาชลประทาน โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องทำนาล่ากว่าปรกติ หรือมีปัญหา<br />ด้านแรงงาน เตรียมดินอย่างดี โดยไถดะตากดินไว้เพื่อกำจัดวัชพืชที่กำลังเจริญเติบโต ปล่อยน้ำท่วมแปลงเพื่อกำจัดวัชพืช<br />ที่กำลังจะงอก ไถแปร และคราดปรับระดับผิวดินให้สม่ำเสมอ เพื่อความสะดวกในการควบคุมระดับน้ำและควบคุมวัชพืช<br />หว่านเมล็ดข้าวงอกอัตราเมล็ดพันธุ์ประมาณ 15-20 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วรักษาระดับน้ำ ให้เหมาะสมกับระยะการเจริญเติบโต ของต้นข้าว</span></span></td></tr>
<tr><td valign="top"><span style="color: dimgrey;"><span style="background-color: white; font-size: large;">-</span></span></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey;"><span style="background-color: white; font-size: large;">วิธีหว่านข้าวแห้ง เหมาะสมกับทำนาในนิเวศนาน้ำฝน โดยเฉพาะพื้นที่นาลุ่มและวัชพืชน้อยเตรียมดินโดยวิธีเตรียม ดินแห้ง ไถดะ เพื่อกำจัดวัชพืชที่กำลังเจริญเติบโต ไถแปร หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวแห้ง อัตรา 20-25 กิโลกรัมต่อไร่ หรือ ร่วมกับเมล็ดถั่วเขียว อัตรา 8 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วคราดกลบ</span></span></td></tr>
</tbody></table>
</td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">4.</span></td><td valign="top"><b><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การจัดการความอุดมสมบูรณ์ของดิน</span></b></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การเลือกพื้นที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงเป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการผลิตข้าวอินทรีย และต้องรักษาระดับความอุดม สมบูรณ์ของดินเพื่อรักษาระดับผลผลิตให้มีความยั่งยืนโดยเฉพาะการจัดการธาตุอาหารหลักของพืชพื้นที่นาข้าวอินทรีย์ จะต้องไม่เผาตอซัง ฟางข้าว และเศษซากพืช รวมทั้งควรหาวัสดุอินทรีย์จากพื้นที่ข้างเคียงใส่เพิ่มเติมเข้า ไปด้วยการปลูก พืชตระกูลถั่วจะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ของดินในระยะยาว ควรปลูกพืชคลุมดินในช่วงที่ไม่ปลูกข้าวนอกจากเป็นการป้องกันการสูญเสียหน้าดิน แล้วยังเป็นการเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้แก่ดินอีกด้วยเนื่องจากปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยธรรมชาติ ที่อนุญาตให้ใช้ในการผลิตข้าวอินทรีย์ เป็นต้นว่า ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก จุลินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ และผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมเกษตร รวมทั้งแร่ธาตุที่ ยังไม่ผ่านการสังเคราะห์ ์เคมี มีความเข้มข้นของธาตุอาหารต่ำ ต้องใช้ปริมาณมากและต่อเนื่องทุกปีจะได้ผลผลิตและ เกิดความยั่งยืน ดังนั้นการใช้สาร หรือวัสดุเหล่านี้ต้องคำนึงถึงต้นทุนการผลิตด้วย</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การปลูกพืชตระกูลถั่วเป็นวิธีเหมาะสมที่สุดในการผลิตข้าวอินทรีย์ เพราะได้ธาตุอาหารเพียงพอต่อความต้องการสำหรับการเจริญเติบโตของข้าว ต้นทุนการผลิตต่ำสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง และยังได้รับผลตอบแทนจากพืชปุ๋ยสดบางชนิดอีกด้วย เช่น การปลูกถั่วเขียวก่อนข้าว โดยใช้ การเตรียมดินจากการไถดะนาข้าว หว่านถั่วเขียวอัตราเมล็ดพันธุ์ 8 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วไถ่หรือคราดกลบต้นเขียวระยะออกดอกเพื่อเป็น<br />ปุ๋ยพืชสดเพียงประการเดียว ในนาหว่านข้าวแห้งสามารถหว่านถั่วเขียวร่วมไปด้วยจะช่วยควบคุมคุมวัชพืชได้ดี เมื่อมีน้ำขังในนา ต้นถั่วเขียวจะเน่าตาย เป็นปุ๋ยพืชสดไปในตัว ในพื้นที่ที่ดินมีน้ำขังระบายน้ำไม่ดี ควรใช้โสนอัฟริกัน (Sesbania rostrata) อัตราเมล็ดพันธุ์ 6 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านหรือหยอดก่อนปักดำข้าวประมาณ 70 วัน แล้วไถกลบขณะที่ต้นโสนมีอายุประมาณ 50-55 วัน หรือก่อนปักดำข้าว 15 วัน ก็จะได้ธาตุอาหาร ที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของข้าว</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">5.</span></td><td><span style="color: dimgrey; font-size: large;"><b style="background-color: white;">ระบบการทำฟาร์ม</b></span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การผลิตข้าวในระบบเกษตรอินทรีย์นั้น กิจกรรมทางการเกษตรในพื้นที่ทั้งการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ควรจะต้องเป็นแบบ เกษตรอินทรีย ์ด้วยทั้งหมด (Support factors) ในพื้นที่ให้มากที่สุด และมีปัจจัยเสี่ยง (Risk factors) น้อยที่สุดด้วย ทั้งนี้ในพื้นที่เกษตรน้ำฝนของประเทศไทย ซึ่งทำการเกษตรแบบดั้งเดิมและใช้ปัจจัยการผลิตจากภายนอกน้อยอยู่แล้ว จึงเป็นข้อสนับสนุนการผลิตข้าวอันทรีย์ในพื้นที่ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">6.</span></td><td valign="top"><b><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การควบคุมวัชพืช</span></b></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การเขตกรรมที่ดีสามารถแก้ปัญหาวัชพืชในนาได้เป็นอย่างดี การทำนาดำเป็นวิธีที่ช่วยควบคุมวัชพืชโดยใช้ระดับน้ำในนาและต้นกล้าข้าวที่มีการเจริญเติบโตก่อนวัชพืช การเตรียมดินไห้มีผิวหน้าดินสม่ำเสมอ และการรักษาระดับน้ำขังในนาในระยะแรกประมาณ 1 - 2 เดือนหลังปักดำ ทำให้สามารถควบคุมวัชพืชอย่างได้ผล ในนาหว่านข้าวแห้งทีหว่านถั่วเขียวร่วมไปด้วย ถั่วเขียวที่เจริญเติบโตได้เร็วช่วยควบคุมวัชพืชโดยการบังแสงแดด ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้ายังมีวัชพืชเหลืออยู่ในนา การใช้วิธีการกำจัดอื่นร่วมด้วย เช่น กำจัดด้วยวิธีกล ใช้แรงงานคนถอน หรือใช้เครื่องกำจัดวัชพืช ก็จะได้ผลดียิ่งขึ้น</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">7.</span></td><td valign="top"><b><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การป้องกันกำจัดโรคแมลง</span></b></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การรักษาสมดุลธรรมชาติ เพื่อให้ศัตรูธรรมชาติ (Natural enemies) ของแมลงศัตรูพืช ทั้งตัวห้ำ (Predators) และตัวเบียน (Parasites) ควบคุมแมลงศัตรูข้าวตามธรรมชาติ รวมทั้งการรักษาความสมดุลของธาตุอาหารในดิน และการจัดการน้ำที่ดีช่วยให้ต้นข้าวมีความแข็งแรง ทนทานต่อการทำลายของโรคและแมลงได้ดี</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การปลูกพืชหมุนเวียน เช่น ถั่วเขียวก่อนข้าว เป็นการตัดวงจรชีวิตของแมลงและการแพร่ระบาดของโรคได้ดี การกำจัดวัชพืชที่อาจเป็นพืชอาหารหรือพืชอาศัยของศัตรูข้าว รวมทั้งกำจัดเศษซากพืชทีเป็นโรค ช่วยป้องกันศัตรูข้าวได้ในระดับหนึ่ง</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การเลือกใช้พันธุ์ต้านทานและทนทานเป็นอีแนวทางหนึ่ง โดยศึกษาชนิดโรคและแมลงที่สำคัญในพื้นที่แล้วเลือกพันธุ์ข้าวให้เหมาะสม นอกจากนั้นยังมีการป้องกันและกำจัดโดยวิธีการต่าง ๆ ที่อนุญาตให้ใช้ได้ เป็นวิธีการที่สามารถปฏิบัติได้หากมีการระบาดรุนแรง</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">8.</span></td><td valign="top"><b><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การป้องกันกำจัดสัตว์ศัตรูข้าว</span></b></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">หนูเป็นศัตรูข้าวที่สำคัญมาก cนะนำให้ใช้วิธีควบคุมโดยใช้ศัตรูธรรมชาติ ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัด รักษาระบบนิเวศ และมีประสิทธิภาพในระยะยาว ศัตรูธรรมชาติของหนูที่สำคัญ ได้แก่ แมว สุนัข งู นกเค้าแมว และเหยี่ยว เป็นต้น นอกจากนี้อาจใช้วิธีกล เช่นกับดัก และรั้วกันหนูสัตว์ศัตรูข้าว เช่น ปู หอยเชอรี่ แนะนำให้กำจัดโดยวิธีกล หรือจับทำลาย และอาจพิจารณาใช้สารที่อนุญาตให้ใช้ได้ ในการป้องกันกำจัด</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">9.</span></td><td valign="top"><b><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การจัดการก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวการเตรียมดินและวิธีปลูกพันธุ์ข้าว</span></b></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">ระบายน้ำออกจากนาข้าวสุกแก่ประมาณ 10-15 วัน ขึ้นกับลักษณะเนื้อดิน เพื่อให้พื้นนาแห้งและข้าวสุกแก่สม่ำเสมอ เก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ตากสุ่มซังในนาไม่เกิน 3 วันจะได้ข้าวเปลือกที่มีคุณภาพสีดีและมีความชื้นไม่เกิน 14 % การใช้เครื่องนวดจะได้ข้าวเปลือกที่มีความชื้นประมาณ 19-22 % ควรนำเมล็ดข้าวเปลือกมาตากให้มีความหนาประมาณกว่า 5 ซม. นาน 2 วัน จะได้ข้าวเปลือกความชื้นต่ำกว่า 14 % และมีคุณภาพการสีดีเช่นกัน</span></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"><span style="color: dimgrey; font-size: large;">10.</span></td><td valign="top"><b><span style="color: dimgrey; font-size: large;">การเก็บรักษาผลผลิตและบรรจุภัณฑ์</span></b></td></tr>
<tr><td align="right" valign="top" width="25"></td><td valign="top"><span style="color: dimgrey; font-size: medium;"><span style="font-size: large;">เก็บรักษาข้าวเปลือกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ในยุ้งฉางหรือโรงเก็บที่ป้องกันแมลงและศัตรูได้ดี แล้วแปรสภาพเป็นข้าวกล้อง หรือ ข้าวสารตามความต้องการ บรรจุข้าวกล้องและข้าวสารในถุงพลาสติกขนาดบรรจุ 1-5 กิโลกรัม ในระบบสูญญากาศหรืออัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์</span><br /><br /><br />แหล่งที่มา<br /><a href="http://www.moac.go.th/ewt_news.php?nid=431&filename=index">http://www.moac.go.th/ewt_news.php?nid=431&filename=index</a></span></td></tr>
</tbody></table>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05751093116893986780noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3225541014830921817.post-17640839977244583422013-06-19T10:17:00.004+07:002013-07-19T01:35:30.090+07:00ประวัติส่วนตัว<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4hb2aWanvaBEipFZTQmZrPidER8dLBcft0t2YJnRt__6XuOVpiOIHpgokmiJaV8AQ3h9EyQr2tC4al2s-jZgayMFQYZ9YiH0fHf7cg3bnx5UCCu4DV_-wPDm9Tw_jbHcO6ARPp2M1Cg4G/s1600/Photo-001.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4hb2aWanvaBEipFZTQmZrPidER8dLBcft0t2YJnRt__6XuOVpiOIHpgokmiJaV8AQ3h9EyQr2tC4al2s-jZgayMFQYZ9YiH0fHf7cg3bnx5UCCu4DV_-wPDm9Tw_jbHcO6ARPp2M1Cg4G/s200/Photo-001.jpg" width="150" /></a></div>
<span style="font-size: large;">ชื่อ: นางสาว ซาลีลา มายิ </span><br />
<span style="font-size: large;">ชื่อเล่น: ลา</span><br />
<span style="font-size: large;">คบ.2 การประถมศึกษา หมู่2</span><br />
<span style="font-size: large;">รหัสนักศึกษา554188056</span><br />
<span style="font-size: large;">วันเกิด 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2536</span><br />
<span style="font-size: large;">ภูมิลำเนา: จังหวัดนราธิวาส</span><br />
<span style="font-size: large;">คติ:จงหวังให้สิ้นสุด แต่ อย่าหยุดเมื่อสิ้นหวัง</span><br />
<span style="font-size: large;"><br /></span>
<span style="font-size: large;"><br /></span><span style="font-size: large;"><br /></span>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgoxd85bzZzujYMmuykk3xl9vRwb5xNBusLSBPKBbGH6UWikpmN0erWswWKfwHg9EYKDtcEAJDViwGycg9OsrcpD-qzDoexc99LLg5v0VwsUAEfITwxEnhqKNA7E2S4oRf-omMZxGHvHdw2/s1600/1057539_487696254640955_1150663602_n.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgoxd85bzZzujYMmuykk3xl9vRwb5xNBusLSBPKBbGH6UWikpmN0erWswWKfwHg9EYKDtcEAJDViwGycg9OsrcpD-qzDoexc99LLg5v0VwsUAEfITwxEnhqKNA7E2S4oRf-omMZxGHvHdw2/s200/1057539_487696254640955_1150663602_n.jpg" width="180" /></a><span style="font-size: large;"></span><br />
<span style="font-size: large;">ชื่อ : นางสาว นัสรีซา ลอแม </span><br />
<span style="font-size: large;">ชื่อเล่น : จิ</span><br />
<span style="font-size: large;">คบ.2 การประถมศึกษา หมู่2</span><br />
<span style="font-size: large;">รหัสนักศึกษา 554188047</span><br />
<span style="font-size: large;">วันเกิด 14 มกราคม พ.ศ.2536</span><br />
<span style="font-size: large;">ภูมิลำเนา : จังหวัดนราธิวาส</span><br />
<span style="font-size: large;">คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อวันข้างหน้า</span><br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05751093116893986780noreply@blogger.com0